Jordan Belfort รวยไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เผยเส้นทางก่อนเข้า Wall Street ของนักขายที่เปลี่ยนทุกสิ่งเป็นเงิน
Jordan Belfort เป็นนักธุรกิจและนักขายมือทองผู้ร่ำรวยและโด่งดังจากผลงานการเป็นนายหน้าค้าหุ้นใน Wall Street ทำเงินมหาศาลภายในเวลาอันรวดเร็วและรวยถึงขั้นใช้เงินไม่ทัน เกิดการพัวพันกับธุรกิจสีเทา เหล้ายา และผู้หญิงจนตกต่ำติดคุก เมื่อพ้นโทษออกมาก็ตั้งปณิธานจะนำประสบการณ์ชีวิตมาถ่ายทอดเป็นบทเรียนแก่ผู้อื่นให้ร่ำรวยและเป็นคนดี
เขาเขียนหนังสือตีแผ่ชีวิตจากรุ่งสู่ร่วงแล้วก็รุ่ง ผสมแง่คิดชีวิตและการเงินลงไปในหนังสือ The Wolf of Wall Streetขึ้นแท่นหนังสือ International Best Seller และ Paramount Pictures ก็นำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ในชื่อเดียวกัน เกิดเป็นกระแสวลีสุดฮิต “Sell me this pen” – ขายปากกานี้ให้ฉัน ถ้าคุณขายปากกาธรรมดาๆได้ คุณก็ขายได้แทบทุกอย่างบนโลกนี้
จุดเริ่มต้นของภาพยนตร์เกิดขึ้นในช่วงที่เขาเข้า Wall Street ใส่สูท เท่ห์ๆ เก๋ๆ รวยๆ ดูเป็นคนมีพรสวรรค์การขายระดับเทพ แต่ชีวิตจริง Jordan Belfort มีตำนานมาก่อน ผ่านการลุยงานหนักและความมุ่งมั่นที่จะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในสายขายอย่างไม่มีเงื่อนไขมาแต่เด็กๆ ต่อไปนี้เป็นเรื่องราวคร่าวๆ ส่วนหนึ่งก่อนที่ก้าวเข้าสู่ Wall Street ครับ
อยากจะรวย ช่วยไม่ได้
Jordan Belfort เกิดและโตในย่าน Bayside ในนิวยอร์ก ครอบครัวทำงานบริษัทในตำแหน่งพนักงานบัญชี มีฐานะปานกลาง และภาพที่เห็นจนชินตาและเกิดคำถามในใจคือ พ่อแม่ที่ทำงานหนัก แม้จะมีกินมีใช้แต่ไม่รวยแบบเด็ดขาดและไม่ค่อยมีเวลาให้ครอบครัว สภาพครอบครัวที่เป็นทำให้เขาตั้งมั่นกับตัวเองว่า “ฉันจะรวยให้ได้”
เทคนิคการขายแบบ Sales Funnel
เขามีความคิดที่จะหารายได้ด้วยตัวเองตั้งแต่เด็กๆ โดยในช่วงฤดูหนาวที่หิมะตกหนา เขาจะตระเวนไปเคาะประตูตามหมู่บ้านเพื่อขายหนังสือพิมพ์
ไฮไลท์อยู่ตรงขายหนังสือพิมพ์ราคาถูกแล้ว ‘Upsell’ ต่อด้วยการเสนอขายบริการกวาดหิมะหน้าบ้านที่มีราคาสูงกว่า ทำให้เขาสามารถทำรายได้สองต่อหรืออย่างน้อยก็ได้เงินจากอย่างใดอย่างหนึ่ง เทคนิคการขายแบบนี้เป็นที่นิยมจนถึงปัจจุบัน ในกลุ่มธุรกิจออนไลน์นิยมเรียกว่าการทำ Sales Funnel ที่มีเครื่องมือในการนำเสนอสินค้า Upsell, Down-sell, Cross merchandise ในหน้า Check-out page ของเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซในต่างประเทศหลายตลบ
หลักคิดสร้างรายได้มหาศาลจากการแก้ปัญหาเล็กๆให้ผู้อื่น
ในช่วงฤดูร้อน ชายหาด Long Island ที่อยู่ใกล้กันจะมีผู้คนมากมายไปนอนอาบแดด และการอาบแดดเป็นกิจกรรมที่ฝรั่งฟินจนไม่อยากลุกไปไหน Jordan Belfort มองเห็นโอกาสจากปัญหาที่คนไม่ยอมลุกไปไหนแม้จะอดอยากปากแห้งสักเพียงใด จึงคิดที่จะเสนอขายสินค้าและบริการแบบพร้อมส่งถึงปาก!
เขาไปติดต่อขอซื้อไอศกรีมราคาส่งและกล่องเก็บความเย็นเพื่อบรรจุไอศครีม จากนั้นก็ตระเวนเสนอขายไอศครีมตามชายหาดซึ่งมันได้ผล คนมีปัญหาอาบแดดแล้วฟินจนไม่ยอมลุกไปไหน เมื่อมีคนมาเสิร์ฟของถึงที่จึงพากันซื้อถล่มทลาย
เขาไปติดต่อขอซื้อไอศกรีมราคาส่งและกล่องเก็บความเย็นเพื่อบรรจุไอศครีม จากนั้นก็ตระเวนเสนอขายไอศครีมตามชายหาดซึ่งมันได้ผล คนมีปัญหาอาบแดดแล้วฟินจนไม่ยอมลุกไปไหน เมื่อมีคนมาเสิร์ฟของถึงที่จึงพากันซื้อถล่มทลาย
ณ ตอนนั้น เพื่อนในวัยเดียวกันทำงานรับจ้างค่าแรงชั่วโมงละ 3 เหรียญ ในขณะที่ Jordan Belfort ขายปลีกไอศกรีมได้เงินวันละ 400 เหรียญ! รายได้สะสมตลอดฤดูกาลขายไอศกรีมเท่ากับ 20,000 เหรียญ ทำให้เขามีเงินพอที่จะส่งตัวเองเข้าชั้นมหาวิทยาลัยโดยไม่ต้องพึ่งเงินพ่อแม่
หลงใหลการขาย
แม้จะมีประสบการณ์ที่ดีจากการขาย แต่ด้วยความที่ถูกปลูกฝังกึ่งคะยั้นคะยอจากครอบครัวว่าให้เรียนหมอ จบไปได้งานดี เงินเดือน ตำแหน่งมั่นคง เขาจึงลงเรียนหมอในสาขาทันตกรรม แต่เพียงวันแรกที่เข้าฟังคณบดีกล่าวต้อนรับนักศึกษาด้วยประโยค
“The golden age of dentistry is over. If you’re here simply because you’re looking to make a lot of money, you’re in the wrong place”
หรือ “ยุคทองของวงการทันตกรรมได้จบลงแล้ว หากคุณมาที่นี่เพื่ออยากรวย คุณมาผิดที่” — Jordan Belfort รีบลาออกจากคณะทันตกรรมทันที และสุดท้ายไปเลือกเรียนและสำเร็จการศึกษาชั้นปริญญาตรีในสาขาชีววิทยา แต่ไปสมัครเข้าทำงานในตำแหน่ง Sales executive ให้บริษัทขายเนื้อสด เป็นการขายแบบตระเวนเคาะประตูตามบ้านอย่างที่เขาเคยทำตอนเด็กๆ นั่นเอง
ในช่วงแรกเป็นการติดรถไปกับพี่เลี้ยงเพื่อสังเกตวิธีคิดวิธีขายที่ไม่ประสบความสำเร็จ ใช่ครับ พี่เลี้ยงของเขาขายสินค้าแทบไม่ได้เลย เมื่อถึงตาเขาต้องออกไปขายเองบ้าง เขานำประสบการณ์ต่างๆ มาพัฒนาเป็นเทคนิคการขายจนสามารถขายเนื้อหมดคันรถภายในวันเดียวและจนเกือบจะขายรถแช่เย็นที่ขนเนื้อนั้นไปด้วยภายในเย็นวันเดียวกัน!
ขายดีจึงออกมาขายเองแม่มเลย
ด้วยความที่ขายดีจัดและเห็นเงินมหาศาลรออยู่ตรงหน้า Jordan Belfort จึงลาออกมาเปิดบริษัทขายเนื้อของตัวเองในไม่กี่เดือนต่อมา ธุรกิจของเขาเติบโตเร็วมาก เกิดทีมขายขนาดใหญ่และจำนวนรถขนส่งก็เพิ่มจากสองสามคันเป็นหลายสิบคันอย่างรวดเร็ว แต่…
ด้วยความที่ธุรกิจเติบโตเร็วและสนใจแต่ฝั่งขายหน้างานจนละเลยหลังบ้าน ทำให้ระบบหลังบ้าน การเงิน และการคนของบริษัทเขาเละเทะจนถูกพนักงานโกงในที่สุด การเติบโตอย่างรวดเร็วสู่การปิดตัวอย่างรวดเร็ว เขาสูญเสียเงินและกิจการในพริบตาทำให้จิตตกอย่างหนักถึงขั้นไม่เป็นอันทำอะไรอยู่พักหนึ่งก่อนจะตั้งสติได้และคิดหาอะไรทำใหม่อีกครั้ง
ในช่วงเวลาที่เขาขังตัวอยู่ในห้อง เขามองเห็นเพื่อนบ้านที่ตอนเด็กไม่ได้เรื่องได้ราวอะไรแต่วันนี้โตมาใส่สูทผูกไทมีรถราคาแพงขับจึงสืบถามว่าทำงานอะไร คำตอบจากเพื่อนบ้านคือ “นายหน้าค้าหุ้น” แสงสว่างส่องมากลางใจอีกครั้งและตั้งปณิธานว่า “ฉันจะรวยด้วยค้าหุ้น”
มุ่งหน้าสู่ Wall Street
Jordan Belfort สมัครและสัมภาษณ์งานตามบริษัทนายหน้าค้าหลักทรัพย์ต่างๆ แม้จะไม่จบด้านการเงินเหมือนผู้สมัครคนอื่นๆ แต่ทักษะการขายทำให้เขาสามารถขายฝันแก่ผู้สัมภาษณ์จนยอมรับเขาทำงาน บริษัทนั้นชื่อว่า L.F. Rothschild
หลังเข้าทำงานจะต้องมีการฝึกอบรมและสอบ License เป็นนายหน้าค้าหุ้นเป็นระยะเวลา 6 เดือน และในวันที่สำเร็จหลักสูตร เขาพร้อมเริ่มการเป็นนายหน้าค้าหุ้นอย่างถูกต้องเมื่อวันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม 1987 ตรงกับปรากฏการณ์ตลาดหุ้นพังทลายทั่วโลก หรือ Black Monday
L.F. Rothschild ปิดกิจการ Jordan ตกงาน…
มุ่งค้าหุ้น Penny Stock
แม้ตลาดหุ้นและบริษัทหลักทรัพย์ใหญ่ๆ จะล้มระนาว แต่ตลาดหุ้นและบริษัทหลักทรัพย์เล็กๆที่อยู่ตามชนบทยังคงอยู่ได้ พวกเขาอยู่กันแบบเงียบๆ และเรียบง่าย ไม่ค่อยมีการซื้อขายกันแต่ไหนแต่ไร เป็นหุ้นของธุรกิจครอบครัวตามต่างจังหวัดเป็นต้น
จุดเด่นของตลาดหุ้นเหล่านี้คือ หุ้นมีราคาถูกมาก มีราคาเป็นเศษของเงินเหรียญ และมีค่านายหน้าให้นักค้าหลักทรัพย์สูงถึง 60% ในขณะที่ค่านายหน้าของบริษัทหลักทรัพย์ในตลาดใหญ่ต่ำกว่า 1% — เมื่อ Jordan Belfort รู้ตัวเลขดังกล่าว เขาจึงตัดสินใจไปสมัครงานที่บริษัทหลักทรัพย์ในต่างจังหวัดทันที
การมาของ Jordan Belfort สร้างความคึกคักให้บริษัท เพราะที่ผ่านมาพวกเขาอยู่กันอย่างเงียบๆและแทบไม่มีการซื้อขายมานาน กระทั่ง Jordan Belfort นำทักษะแบบ Wall Street มาปิดการขายหุ้น Penny Stock ได้มากมายนำรายได้เข้าบริษัทจำนวนมากและสอนคนให้เป็นนักขายสไตล์ Wall Street
การมาของ Jordan Belfort สร้างความคึกคักให้บริษัท เพราะที่ผ่านมาพวกเขาอยู่กันอย่างเงียบๆและแทบไม่มีการซื้อขายมานาน กระทั่ง Jordan Belfort นำทักษะแบบ Wall Street มาปิดการขายหุ้น Penny Stock ได้มากมายนำรายได้เข้าบริษัทจำนวนมากและสอนคนให้เป็นนักขายสไตล์ Wall Street
และอีกครั้ง หลังจากประสบความสำเร็จอย่างสูง ทำเงินจากค่านายหน้าได้เป็นกอบเป็นกำ เขาก็ออกไปเปิดบริษัทนายหน้าค้าหลักทรัพย์ของตัวเองและเป็นจุดเริ่มต้นของตำนานความรวยไม่รู้เรื่องเจ้าของฉายา The Wolf of Wall Street
3 บทเรียนเบื้องต้นที่ได้รับจากกรณีศึกษาของ Jordan Belfort
1. การขายเริ่มต้นที่ใจ
จิตใจ กำลังใจ และความเชื่อมีความสำคัญมาก ต่อให้สินค้าดีแค่ไหนแต่ขาดคุณสมบัติดังกล่าวก็จะไม่สามารถขายสินค้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ การอบรมทีมขายให้เข้าใจตัวสินค้าและมีศรัทธาต่อบริษัทรวมไปถึงการปลุกพลังใจของนักขายเป็นกุญแจสำคัญต่อการเพิ่มยอดขายของธุรกิจ
“The only thing standing between you and your goal is bullshit story you keep telling yourself as to why you can’t achieve it”
“The only thing standing between you and your goal is bullshit story you keep telling yourself as to why you can’t achieve it”
2. ธุรกิจเกิดมาเพื่อแก้ปัญหาแก่ผู้อื่น
ไอเดียธุรกิจแทบทุกชนิดบนโลกเกิดมาเพื่อแก้ปัญหาให้ผู้อื่น ต่อให้เป็นปัญหาเล็กๆ ก็ตามก็อาจทำเงินได้มากมายเช่นเดียวกับการขายปลีกไอศครีมให้คนอาบแดนใน Long Island สมัยเด็กๆ ของเขานั่นเอง
“Entrepreneurs create better ways to fill needs”
“Entrepreneurs create better ways to fill needs”
3. ความสำเร็จเกิดจากลงมือทำอย่างหนัก
จากกรณีศึกษาต่างๆ จะไม่ค่อยเห็น Jordan Belfort พูดถึงความสบาย การเกษียณ สโลว์ไลฟ์ และ Passive income มากนัก ในทางกลับกันเขาหลงใหลในสิ่งที่ทำและทำงานอย่างหนักเพื่อบรรลุเป้าหมายที่เขาต้องการ โดยกล่าวว่า ปณิธานที่น่าศรัทธาที่สุดในโลกก็เป็นได้แค่ปณิธานหากปราศจากการลงมือทำ
“Without action, the best intentions in the world are nothing more than that, intentions”
“Without action, the best intentions in the world are nothing more than that, intentions”
Jordan Belfort มาไทย
หลังจากผมเป็นนายตัวเองเต็มตัวในปีนี้และเรียนรู้ว่าทักษะการขายสำคัญต่อความอยู่รอดของนักธุรกิจอย่างมากทำให้เริ่มเสาะหาความรู้เกี่ยวกับขายและพบข่าวดีว่า Jordan Belfort จะมาจัดอบรมในวันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม นี้ที่อิมแพ็ค!
งานนี้ไม่พลาดและขอบอกเผื่อคนที่สนใจไปดูรายละเอียด ที่นี่ครับ
แหล่งที่มา : http://www.ceoblog.co/jordan-belfort-wolf-of-wall-street/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น